ไขข้อสงสัยการดึงหน้า! และทำความรู้จักกับแผลดึงหน้ากัน
การดึงหน้าหรือศัลยกรรมดึงหน้าคือวิธีการแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยตามวัยที่มีแผลดึงหน้าไม่น่ากลัวอย่างที่คิด แถมแผลผ่าตัดดึงหน้ายังสามารถดูแลได้อย่างง่ายดายเพียงไม่กี่ขั้นตอน อีกทั้งการดึงหน้าแผลเล็ก ๆ ด้วยเทคนิคพิเศษก็สามารถทำได้หลายสัดส่วน พร้อมบอกลาความหย่อนยานของผิวได้เลย
ปัจจุบันมีวิธีการหลากหลายอย่างที่พร้อมจะทำให้ผิวหน้าของเรากลับมาเต่งตึงเหมือนกับตอนที่เรายังอายุน้อย หนึ่งในนั้นก็คือการดึงหน้าที่สามารถจัดการริ้วรอยหรือความหย่อนคล้อยบริเวณใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งการดึงหน้าด้วยเทคนิคพิเศษยังมีแผลดึงหน้าที่มีขนาดเล็กมาก ๆ เรียกได้ว่าเหมาะกับคนที่ต้องการมีผิวหน้ากระชับเต่งตึงได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว และที่สำคัญแผลดึงหน้าจะจางลงในเวลาที่ไม่นานเกินรอแน่นอน
สำหรับใครที่สงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับดึงหน้าหรือแผลผ่าตัดดึงหน้าสามารถอ่านบทความนี้ เพื่อทำความรู้จักกับการดึงหน้าให้มากขึ้น ซึ่งรายละเอียดต่าง ๆ ของการดึงหน้าจะมีอะไรบ้าง? ตามไปดูข้อมูลดี ๆ จาก DSC Clinic พร้อมกันได้เลย
การดึงหน้าและแผลดึงหน้าเจ็บไหม?
สำหรับใครที่กำลังสนใจเกี่ยวกับการดึงหน้าหรืออยากรู้ข้อมูลเกี่ยวกับแผลผ่าตัดดึงหน้าว่าเจ็บมากหรือเปล่า? เราต้องขอบอกเลยว่าแผลผ่าตัดดึงหน้าจะมีอาการเจ็บปวดที่เป็นอาการข้างเคียงจากการผ่าตัดเล็กน้อย อีกทั้งแผลจากการดึงหน้ายังเป็นแค่เพียงรอยเส้นบาง ๆ เท่านั้น
โดยหลังจากการผ่าตัดดึงหน้าที่ DSC คลินิก แล้วเราก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติเลย เพียงแค่จะต้องดูแลตัวเองเป็นพิเศษ รวมถึงดูแลแผลดึงหน้าเป็นอย่างดี เพื่อให้แผลจากการดึงหน้าฟื้นฟูเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว
การดึงหน้าทำได้ทั้งหมดกี่ส่วน? แต่ละส่วนเหมาะกับใครบ้าง?
นอกจากการดึงหน้าที่คลินิกของเราจะมีแผลผ่าตัดดึงหน้าขนาดเล็กมาก ๆ แล้วก็ยังสามารถเลือกดึงหน้าส่วนที่เหมาะสมตามแต่ละบุคคลได้ด้วย เพราะใบหน้าของแต่ละคนก็จะมีความหย่อนคล้อยหรือริ้วรอยที่แตกต่างกันออกไป
อย่างไรก็ตามแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการดึงหน้าของทาง DSC คลินิกที่มาพร้อมกับความสามารถในการผ่าตัดดึงหน้าด้วยเทคนิคพิเศษนั้น จะทำให้แผลจากการดึงหน้ามีขนาดเล็กนิดเดียวและหายเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเทคนิคพิเศษของเราจะดึงหน้าในสัดส่วนไหนได้บ้าง? ไปดูกัน
- ดึงหน้าส่วนบน (Upper Face Lift)
- ดึงหน้าส่วนกลาง (Middle Face Lift)
- ดึงหน้าส่วนล่าง (Lower Face Lift)
- ดึงหน้าแบบมินิ (Mini Face lift)
- ดึงทั้งหน้า (Full Face lift)
ดึงหน้าส่วนบน (Upper Face Lift)
การดึงหน้าส่วนบนจะจัดการปัญหาผิวอย่างริ้วรอยหรือความหย่อนคล้อยบริเวณช่วงบนของใบหน้าให้หมดไป พร้อมทั้งช่วยแก้ปัญหาหัวเถิกรวมถึงทำให้แนวไรผมลงมาต่ำกว่าเดิม ซึ่งการดึงหน้าส่วนบนเหมาะกับคนที่ผิวหน้ามีความหย่อนคล้อยตามบริเวณต่อไปนี้
- ขมับ
- หางคิ้ว
- หางตา
- โหนกแก้ม
ดึงหน้าส่วนกลาง (Middle Face Lift)
การดึงหน้าส่วนกลางจะทำให้บริเวณกลางใบหน้าหรือหน้าแก้มของเรามีความอิ่มเอิบมากกว่าเดิม แถมการดึงหน้าส่วนกลางยังช่วยเติมเต็มใบหน้าบริเวณนี้ให้มีความกระชับเต่งตึง โดยแผลดึงหน้าส่วนนี้จะเป็นแผลที่เล็กมาก ๆ อยู่ที่บริเวณหน้าใบหูจนถึงไรผมเท่านั้น ซึ่งการดึงหน้าส่วนกลางเหมาะกับคนที่ผิวมีความหย่อนคล้อยตามบริเวณต่อไปนี้
- หน้าแก้ม
- ร่องแก้ม
ดึงหน้าส่วนล่าง (Lower Face Lift)
การดึงหน้าส่วนล่างจะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณกรอบหน้ากระชับมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยจัดการกับไขมันส่วนเกินบริเวณคอของเราได้อีกด้วย ซึ่งการดึงหน้าส่วนล่างเหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยหรือมีริ้วรอยตามบริเวณเหล่านี้
- มุมปาก
- ร่องน้ำหมาก
- กรอบหน้า
- คอ
ดึงหน้าแบบมินิ (Mini Face lift)
การดึงหน้าแบบมินิเหมาะกับคนที่อายุยังไม่สูงมาก แต่ผิวเริ่มมีความหย่อนคล้อยบ้างเล็กน้อย ซึ่งการดึงหน้าแบบมินิจะช่วยจัดการปัญหาผิวหย่อนคล้อยเฉพาะจุดได้เป็นอย่างดี แถมการดึงหน้าด้วยเทคนิคเฉพาะของ คลินิก DSC จะทำให้การดึงหน้าแบบมินิมีแผลเล็ก ช้ำน้อย และสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
ดึงทั้งหน้า (Full Face lift)
การดึงหน้าแบบทั้งหน้าจะช่วยยกกระชับ เพิ่มความอิ่มเอิบ เพิ่มความเต่งตึงให้ทุก ๆ บริเวณของใบหน้า ทำให้การดึงหน้าแบบทั้งหน้าเหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยหรือมีริ้วรอยทุกจุดของใบหน้านั่นเอง ซึ่งขอรับรองเลยว่าแผลดึงหน้าที่มีขนาดเล็กจากเทคนิคพิเศษของเราจะคุ้มค่ากับการดึงหน้าอย่างแน่นอน
การดึงหน้าของผู้ชายกับผู้หญิงต่างกันไหม?
ความแตกต่างของการดึงหน้าระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงนั้น เกิดมาจากเนื้อหรือผิวหนังบริเวณใบหน้ามีลักษณะที่แตกต่างกัน โดยเนื้อหรือผิวหนังของผู้หญิงจะมีความอ่อนตัว ความนิ่ม และบางกว่าผู้ชาย
นอกจากนี้ผู้ชายจะมีหนวดเคราที่หนากว่าผู้หญิง ส่งผลให้ชั้นใต้ผิวหนังของผู้ชายมีความแน่นและติดกับเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังมากกว่าผู้หญิง การดึงหน้าของผู้ชายจึงจะต้องมีความพิถีพิถันมาก ๆ เพื่อให้แผลดึงหน้าออกมาดูดีที่สุดนั่นเอง
การดึงหน้าสามารถอยู่ได้นานเท่าไร?
ต้องขอบอกเลยว่าการดึงหน้าเพื่อทำให้หน้ามีความกระชับ เต่งตึง ดูอ่อนเยาว์กว่าเดิมนั้น จะคุ้มค่าในการลงทุนทำแน่นอน เพราะการดึงหน้าสามารถคงอยู่ได้นาน 5-10 ปีเลยทีเดียว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการดำเนินชีวิตของแต่ละคนด้วย
แม้ว่าระยะเวลาของผลลัพธ์ที่ได้จากการผ่าตัดดึงหน้าจะขึ้นอยู่กับแต่ละคน แต่สิ่งที่ทุกคนจะได้รับอย่างแน่นอนก็คือใบหน้าที่มีความอิ่มเอิบแลดูอ่อนกว่าวัย ซึ่งถ้าเราดูแลผิวหน้าเป็นอย่างดีก็จะยิ่งทำให้ผิวหน้าของเราคงความเต่งตึงได้นานกว่าที่คาดไว้อย่างแน่นอน
หลังจากการดึงหน้าใช้เวลากี่วันแผลถึงจะหาย?
แม้ว่าการดึงหน้าที่ DSC คลินิก ด้วยเทคนิคพิเศษนั้น จะมีแผลดึงหน้าขนาดเล็กมาก ๆ แต่ก็อาจจะมีอาการที่เกิดจากการผ่าตัดดึงหน้าเล็กน้อย ซึ่งปกติแล้วอาการที่เกิดจากแผลดึงหน้าจะสามารถแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ อาการบวมช้ำและอาการนูนแดง โดยอาการทั้งสองอย่างนี้ก็จะมีระยะเวลาฟื้นฟูที่แตกต่างกัน ดังนี้
อาการบวมช้ำ
ปกติแล้วแผลผ่าตัดทั่วไปมักจะมีอาการบวมช้ำอยู่บ้างเล็กน้อย แผลผ่าตัดดึงหน้าก็มีอาการแบบนี้เช่นกัน โดยอาการบวมช้ำที่เกิดจากการผ่าตัดดึงหน้าจะใช้เวลาฟื้นฟูประมาณ 1-3 สัปดาห์ โดยในช่วงแรกอาจจะมีความบวมมากสักหน่อย แต่จะค่อย ๆ ยุบลงอย่างรวดเร็วในระยะเวลา 2 สัปดาห์ หลังจากนั้นเราจะต้องรอให้ใบหน้าของเราเข้ารูปประมาณ 1-2 เดือน
อาการนูนแดง
การดึงหน้าแผลเล็ก ๆ นั้น จะมีลักษณะนูนแดงเล็กน้อยในช่วงเวลา 1-3 เดือนแรกหลังจากผ่าตัด ซึ่งหลังจากผ่านไปแล้วประมาณ 6-12 เดือน แผลดึงหน้าที่นูนแดงก็จะค่อย ๆ จางลงไปจนเรียบเนียนราวกับผิวปกติ
วิธีการดูแลแผลหลังจากการดึงหน้า
DSC Clinic Dr Sine ขอแนะนำวิธีการดูแลแผลดึงหน้าที่ดีที่สุด เพื่อให้แผลจากการดึงหน้าจางลง รวมถึงช่วยให้อาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นหลังจากการดึงหน้าหายไปอย่างรวดเร็ว โดยวิธีการดูแลแผลหลังจากการดึงหน้าก็สามารถทำตามได้ง่าย ๆ ไม่ยากหรือซับซ้อนจนเกินไปแน่นอน ซึ่งวิธีการดูแลแผลหลังจากการดึงหน้าจะมีอะไรบ้าง? ไปดูกัน
ประคบเย็น
เราควรจะประคบเย็นในช่วงเวลา 3 วันแรกหลังจากการผ่าตัดดึงหน้าเพื่อลดอาการบวม ซึ่งสิ่งสำคัญที่ห้ามทำเลยก็คือการประคบร้อน เพราะความร้อนจะส่งผลกระทบในด้านลบกับแผลดึงหน้าของเรานั่นเอง
นอนศีรษะสูง
อีกหนึ่งวิธีการดูแลแผลผ่าตัดดึงหน้าก็คือการนอนของเรานั่นเอง โดยเราจะต้องเตรียมหมอนรองคอเอาไว้เพื่อหลีกลี่ยงการนอนในท่าที่ศีรษะราบเกินไป รวมถึงป้องกันไม่ให้บริเวณหน้าของเราเสียดสีกับหมอน ซึ่งเราจะต้องนอนแบบนี้เป็นระยะเวลาประมาณ 2 สัปดาห์
กินอาหารอ่อน
หลังจากที่เราผ่าตัดดึงหน้าเรียบร้อยแล้วอาจจะมีอาการตึงแผลดึงหน้าอยู่บ้าง ในช่วงเวลานี้จึงเหมาะสมกับการกินอาหารอ่อน ๆ เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องเคี้ยวอาหารหนักมากเกินไปจนอาจทำให้เรารู้สึกเจ็บปวดแผลนั่นเอง
ใส่ผ้ารัดศีรษะ
เราควรจะสวมใส่ผ้ารัดศีรษะไว้เสมอเป็นเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อให้ผ้ารัดศีรษะช่วยยกกระชับใบหน้า นอกจากนี้ผ้ารัดศีรษะยังช่วยทำให้อาการบวมจากการดึงหน้ายุบลงไวมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
งดสระผมและล้างหน้า
เมื่อเราผ่าตัดดึงหน้าเสร็จแล้วก็จะต้องเว้นระยะเวลาในการสระผมและล้างหน้าประมาณ 2-3 วันแรกหลังจาการผ่าตัดเพื่อป้องกันไม่ให้แผลของเราโดนน้ำก่อนเวลาอันควร ซึ่งเมื่อครบ 2-3 วันแล้ว เราควรจะสวมใส่ผ้ารัดศีรษะไว้ขณะสระผมเสมอ
มาพบคุณหมอตามนัดหมาย
คุณหมอจะทำการนัดหมายให้เข้ามาพบกับคุณหมอหลังจากการผ่าตัดดึงหน้าประมาณ 7-10 วัน เพื่อตรวจเช็กอาการต่าง ๆ และตัดไหม ซึ่งเราควรจะมาพบคุณหมอให้ตรงตามนัด รวมถึงทำตามคำแนะนำของคุณหมออย่างเคร่งครัด
เรียกได้ว่าการผ่าตัดยกกระชับใบหน้าที่มีแผลดึงหน้าเพียงนิดเดียวจะสามารถคืนความอ่อนเยาว์ให้กับเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งการดึงหน้าแผลเล็ก ๆ ก็สามารถดูแลได้อย่างง่ายดาย ซึ่งเพียงแค่รอเวลาให้ผิวหน้าของเราฟื้นฟูจากรอยแผลผ่าตัดดึงหน้า เราก็จะสามารถย้อนวัยและมีผิวกระชับเต่งตึงได้อย่างแท้จริง