ดื้อโบท็อกเกิดจากอะไร? อันตรายหรือไม่? | DSC CLINIC

อันตรายจากอาการดื้อโบท็อก

ดื้อโบท็อก ภาวะที่คนฉีดโบไม่ควรมองข้าม

ดื้อโบท็อก หรือดื้อโบคืออะไร? อาการดื้อโบเป็นแบบไหน? หลาย ๆ คนที่ทำหัตถการความงามเกี่ยวกับผิวหน้าบ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นการฉีดโบท็อก ฟิลเลอร์ แฟต หรือรีจูรัน ราคาต่าง ๆ คงจะรู้จักเคยได้ยินเกี่ยวกับการดื้อโบท็อกมาไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอน แต่จริง ๆ อาการดื้อโบท็อกคืออะไร เกิดจากสาเหตุอะไร อันตรายหรือไม่ วันนี้ DSC Clinic Dr.Sine จะขอพาทุกท่านไปเจาะลึกเกี่ยวกับอาการดื้อโบท็อกพร้อม ๆ กันที่นี่ 

ดื้อโบท็อก หรือที่เรียกกันอีกอย่างว่าอาการดื้อโบนั้น คือภาวะที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย (Antibody) ทำปฏิกิริยาต่อต้านกับตัวยาโบท็อกที่ฉีดเข้าไป ทำให้เมื่อฉีดตัวยาโบท็อกเข้าไปแล้วโบท็อกมีประสิทธิภาพน้อยลงไม่เกิดผลตามที่คาดหวัง ซึ่งหมายความว่าการดื้อโบนี้ทำให้ผลลัพธ์ในเรื่องของริ้วรอย ขนาดกราม หรือการยกกระชับใบหน้า ไม่เป็นไปตามที่ควรและในบางรายอาจจะไม่เห็นผลเลย ดังนั้นเมื่อเกิดการดื้อโบท็อกแล้วก็จะส่งผลให้คนที่ยังไม่รู้ว่าตนเองดื้อโบท็อกเสียเงินไปกับการฉีดโบท็อกแบบฟรี ๆ ทั้งยังส่งผลกระทบต่อความมั่นใจและการใช้ชีวิตอีกด้วย

ดื้อโบท็อกมีลักษณะอาการเป็นอย่างไร

อาการคนดื้อโบเป็นอย่างไร? ทางคลินิก DSC ขอบอกเลยว่าอาการของการดื้อโบท็อกนั้นอาจไม่ได้เห็นผลชัดเจนในทันที และอาการก็อาจแตกต่างกันไปในแต่ละคน อย่างไรก็ตาม สัญญาณของการดื้อโบท็อก โดยรวมหลัก ๆ แล้วก็จะมีดังนี้

  • ระยะเวลาของผลลัพธ์หลังฉีดโบท็อกน้อยลง เช่น จากปกติ 6 เดือน เหลือเพียง 3 เดือน และเวลาของผลลัพธ์ในการฉีดโบท็อกยังคงลดลงเรื่อย ๆ จากครั้งก่อน ๆ 
  • ไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวังไว้ เช่น ฉีดโบเพื่อลดกรามแล้วขนาดกรามไม่ลดลง
  • ความต้องการปริมาณของตัวยาโบท็อกที่สูงขึ้น เช่น มีการใช้ปริมาณโบท็อกที่สูงขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปจากเดิม 50 ยูนิต เพิ่มเป็น 100 ยูนิต เพื่อให้ได้ผลลัพธ์แบบเดียวกับเคยฉีดก่อนหน้า

จากทั้ง 3 สัญญาณของการดื้อโบท็อกนั้น จริง ๆ แล้วเกิดขึ้นค่อนข้างยาก และสัญญาณที่กล่าวมาข้างต้นอาจเกิดจากระบบภูมิคุ้มกันร่างกายของแต่ละคน รวมถึงปัจจัยต่าง ๆ ทั้งในเรื่องทักษะการฉีด คุณภาพของผลิตภัณฑ์โบท็อก รวมถึงความแตกต่างด้านการเผาผลาญของแต่ละบุคคล ซึ่งหากใครที่สงสัยว่าเกิดการดื้อโบท็อกหรือไม่ ทาง DSC Clinic ขอแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินสถานการณ์และแนะนำวิธีแก้ปัญหาที่ได้อย่างเหมาะสม

สาเหตุของการดื้อโบท็อกเกิดจากอะไร

จริง ๆ แล้วการดื้อโบท็อกนั้นเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่ส่วนใหญ่แล้วการดื้อโบท็อก หรืออาการดื้อโบนั้นมักจะเกิดจาก 3 ปัจจัยหลัก ๆ ที่เกิดจากการใช้โบท็อกไม่ถูกต้อง ซึ่งปัจจ้ยเหล่านั้น ได้แก่

1. การฉีดโบท็อกคุณภาพต่ำ หรือฉีดโบท็อกของปลอม 

ปัจจัยหลัก ๆ ของการดื้อโบเกิดขึ้นจากการฉีดโบท็อกปลอม หรือโบท็อกที่ต่ำกว่ามาตรฐาน ผลิตภัณฑ์ที่ด้อยคุณภาพเหล่านี้มักถูกหิ้วและนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งในระหว่างการขนส่งไม่ได้มีการควบคุมตัวยาจนอาจเกิดการปนเปื้อนในระหว่างทาง โดยปกติแล้วการควบคุมตัวยาโบท็อกไม่ให้ด้อยคุณภาพนั้นจะต้องเก็บโบท็อกไว้ที่อุณหภูมิระหว่าง 2-8 องศาเซลเซียส หากพบกับความเย็นหรือความร้อนมากกว่านี้อาจทำให้คุณภาพของยาลดลงได้ ดังนั้นโบท็อกที่นำเข้ามาอย่างผิดกฎหมายหรือของปลอม มักถูกนำเข้ามาอย่างลับ ๆ ทำให้ไม่สามารถแช่เย็นได้อย่างเพียงพอ ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์เสื่อมสภาพนั่นเอง

2. การฉีดโบท็อกบ่อยเกินไป

การฉีดโบท็อกซ้ำ ๆ บ่อยครั้งอาจทำให้ร่างกายมีระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย (Antibody) เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในที่สุดการฉีดโบท็อกครั้งต่อ ๆ ไป ก็จะไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง ซึ่งปกติการฉีดโบท็อกนั้นควรเว้นระยะห่างจากการฉีดโบท็อกครั้งก่อนอย่างน้อย 3 เดือน และไม่ควรเว้นระยะห่างกันจนเกินไป (ห่างกันไม่เกิน 5-6 เดือน) การเว้นช่วงเป็นเวลานานอาจทำให้กล้ามเนื้อกลับมาทำงานได้ตามปกติ และอาจต้องฉีดโบท็อกในยูนิตที่มากขึ้นเพื่อให้ได้ผลลัพธ์การฉีดแบบเดิม 

3. การฉีดโบท็อกโดยใช้ปริมาณยูนิตมากเกินไป

บางคนอาจจะคิดว่าการฉีดโบท็อกในยูนิตที่เยอะ ๆ จะสามารถลดริ้วรอย ลดกราม หรือหน้าเรียวได้มากขึ้น ซึ่ง DSC Clinic ขอบอกเลยว่าความเชื่อนี้ไม่ถูกต้อง เพราะในการฉีดโบท็อกไม่ให้เกิดอาการดื้อโบนั้นควรฉีดโบท็อกในปริมาณที่พอดี ไม่ควรเกินครั้งละเกิน 300 ยูนิต ซึ่งหากฉีดยูนิตเยอะเกินไปอาจทำให้เกิดสารตกค้างในร่างกายและอาจส่งผลให้เกิดการดื้อโบท็อกได้ เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอาจพัฒนาความต้านทานต่อการต่อสู้กับส่วนประกอบของโบท็อกที่ค้างอยู่

นอกจากปัจจัยเหล่านี้แล้ว ในบางรายอาจมีความผิดปกติทางพันธุกรรมที่ทำให้ร่างกายมีความทนทานต่อสารโบทูลินัมท็อกซินหรือโบท็อกตามธรรมชาติจนทำให้เกิดการดื้อโบท็อกได้เช่นเดียวกันซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้

ดื้อโบท็อกอันตรายหรือไม่? ดื้อโบท็อกวิธีแก้ทำอย่างไรได้บ้าง?

การดื้อโบท็อกโดยทั่วไปไม่ได้เป็นอันตราย แต่อาจทำให้หงุดหงิดสำหรับผู้ที่ต้องฉีดโบท็อกเพื่อความงาม เพราะเมื่อเกิดการดื้อโบผลลัพธ์ของการรักษาที่ต้องการอาจลดลงหรือไม่เห็นผล ส่งผลให้เกิดความไม่พอใจกับผลลัพธ์ที่ได้

ถ้าดื้อโบท็อกแก้ไขอย่างไร? ปัจจุบันอาการดื้อโบไม่มีวิธีแก้ไข โดยทั่วไปอาการเหล่านี้จะหายไปเองตามธรรมชาติเมื่อการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันลดลง ซึ่งอาจใช้เวลาเพียงไม่กี่ปี หรืออาจใช้เวลาที่นานตั้งแต่ 10 – 20 ปี เลยก็ได้ และถึงแม้ว่าจะเปลี่ยนยี่ห้อของโบท็อกผลลัพธ์การดื้อโบท็อกก็จะยังคงอยู่ไม่เปลี่ยนไป 

นอกจากนี้ คนที่ฉีดโบท็อกเป็นประจำหลาย ๆ คนอาจไม่ทราบว่าตนเองกำลังเจอกับการดื้อโบท็อกอยู่ บางคนอาจเข้าใจผิดว่าปัญหาอยู่ที่แบรนด์หรือคลินิกที่ทำหัตถการ ทำให้เปลี่ยนคลินิกในการฉีดโบท็อกจากที่เดิมเป็นที่ใหม่โดยไม่เปิดเผยประวัติการฉีดโบท็อกก่อนหน้านี้ ซึ่งส่งผลให้เกิดการดื้อต่อการฉีดโบท็อกมากขึ้นนั่นเอง

ป้องกันการดื้อโบท็อกด้วยวิธีใดได้บ้าง?

ดื้อโบท็อกป้องกันได้อย่างไร? สำหรับการป้องกันการดื้อโบท็อกแม้ว่าปัจจุบันจะยังไม่มีวิธีรักษาการดื้อโบท็อกและป้องกันการเกิดการดื้อยาโดยตรง แต่ก็มีวิธีที่สามารถลดความเสี่ยงของอาการดื้อโบได้ ซึ่งจะมีวิธีไหนบ้าง? ตาม DSC Clinic ไปดูกันเลย

  • เว้นระยะในการฉีดโบท็อกแต่ละรอบอย่างเหมาะสม 

ไม่ควรฉีดโบท็อกมากกว่า 2 ครั้งต่อปี และควรเว้นระยะห่างระหว่างการฉีดอย่างน้อย 3 เดือน เพราะการฉีดโบท็อกบ่อย ๆ อาจเพิ่มโอกาสในการดื้อโบท็อก เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันอาจมีเวลาฟื้นตัวระหว่างการรักษาน้อยลง ทั้งนี้ควรเว้นระยะห่างของการฉีดโบท็อกไม่เกิน 5-6 เดือน

  • เลือกฉีดโบท็อกกับคลินิกหรือสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานและน่าเชื่อ

ควรเลือกคลินิกหรือสถานพยาบาลที่มีมาตรฐาน ได้รับการรับรอง และได้ใบอนุญาตการดำเนินงานที่ถูกต้อง ซึ่งการทำหัตถการความงามเกี่ยวกับผิวหน้าใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นการฉีดโบท็อก ฟิลเลอร์ แฟต หรือรีจูรันราคาไม่ควรถูกจนเกินไป เนื่องจากการเลือกคลินิก หรือสถานพยาบาลที่ตัวเลือกถูกเกินไปอาจทำให้เกิดความเสี่ยงมากขึ้น ดังนั้นเพื่อคุณภาพและความปลอดภัยสิ่งสำคัญคืออย่าตัดสินจากราคาเพียงอย่างเดียว

  • เลือกฉีดโบท็อกกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ 

ไม่ควรเลือกฉีดโบท็อกกับหมอกระเป๋า หรือพยาบาลที่รับฉีด เนื่องจากโบท็อกของแท้ที่นำเข้าอย่างถูกกฎหมายจะขายให้กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหรือโรงพยาบาลเท่านั้น โดยสามารถเอาชื่อ-นามสกุลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเข้าไปตรวจในเว็บไซต์ของแพทยสภา หรือ http://www.tmc.or.th/check_md/ เพื่อเช็กว่าแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่จะฉีดโบท็อกให้เรานั้นขึ้นทะเบียนกับแพทยสภาอย่างถูกต้องหรือไม่ ซึ่งหากมีชื่ออยู่ในเว็บไซต์ก็เท่ากับว่าเราสามารถมั่นใจในการฉีดโบท็อกได้มากขึ้น

  • ปริมาณโบท็อกที่ฉีดจะต้องมียูนิตที่เหมาะสม

ก่อนการฉีดโบท็อกแต่ละครั้งควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าปริมาณโบท็อกที่ฉีดในแต่ละบริเวณถูกประเมินและกำหนดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจำนวนยูนิตโบท็อกจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่ทำการรักษาและความต้องการของแต่ละบุคคล 

  • ยี่ห้อโบท็อกที่ฉีดจะต้องมีความบริสุทธิ์สูงและเป็นของแท้

ควรเลือกแบรนด์โบท็อกของแท้ที่มีความบริสุทธิ์และประสิทธิภาพสูง หลีกเลี่ยงการฉีดสลับโบท็อกแบบสลับยี่ห้อ เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการดื้อโบได้ ความสม่ำเสมอของแบรนด์ที่ใช้ในการฉีดเป็นสิ่งที่ต้องการเพื่อรักษาผลลัพธ์ที่คาดการณ์ได้และเชื่อถือได้

ด้วยการปฏิบัติตามวิธีป้องกันเหล่านี้ แน่นอนว่าสายโบท็อกทั้งหลายสามารถลดโอกาสที่จะเกิดภาวะดื้อโบท็อก หรืออาการดื้อโบได้ และเมื่อเข้าใจสาเหตุแล้วว่าการดื้อโบเกิดจากอะไรก็จะช่วยให้ตัดสินใจสำหรับการฉีดโบท็อกได้ดีขึ้น ทั้งนี้การฉีดโบท็อกจำเป็นต้องฉีดโบท็อกที่เป็นของแท้ กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ภายใต้คลินิกหรือสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานเท่านั้น

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

เว็บไซต์นี้มีการใช้คุกกี้เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น รายละเอียดกรุณาอ่าน นโยบายคุกกี้

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save