10 คำถามยอดฮิต เสริมหน้าอก

ไขข้อสงสัย คำถามยอดฮิต เกี่ยวกับการเสริมหน้าอก

รวบรวมมาแล้วไว้ที่นี่ BY DSC Clinic

1. ซิลิโคนแตกต่างกันอย่างไร

เนื้อผิวซิลิโคน

–          ซิลิโคนผิวเรียบ

ซิลิโคนผิวเรียบจะมีลักษณะของผิวซิลิโคนที่ใส มองเห็นด้านในของซิลิโคน มีพื้นผิวของซิลิโคนที่เรียบเท่ากันทั้งซิลิโคน ไม่มีความหยาบหรือขรุขระบนพื้นผิวซิลิโคน 

โดยจะนิยมใส่ใต้กล้ามเนื้อของคนไข้ เพราะจะมีโอกาสเกิดพังพืดได้น้อยกว่า เหมาะสำหรับผู้ที่กังวลการเกิดมะเร็งเต้านม ที่จะมาเกาะรอบตัวซิลิโคน เพราะมักจะเกิด

ในซิลิโคนผิวทรายได้มากกว่าซิลิโคนแบบผิวเรียบ แต่จะมีข้อเสียคือมีโอกาสเกิดพังพืดได้มากกว่าซิลิโคนแบบผิวทราย เนื่องจากมีแรงในการหดตัวของพังพืดที่

มากกว่า ทำให้ต้องมีการนวดและการดูแลที่มากกว่าซิลิโคนแบบผิวทราย

–          ซิลิโคนผิวทราย

ซิลิโคนผิวทรายจะมีลักษณะของผิวซิลิโคนที่มีความหยาบของพื้นผิวซิลิโคน สัมผัสจะเหมือนมีเม็ดทรายละเอียดรอบตัวซิลิโคน มีความขรุขระเล็กน้อย ไม่สามารถ

มองเห็นด้านในของตัวซิลิโคนได้ ข้อดีของผิวทรายที่หยาบเหมือนเม็ดทรายจะช่วยในการเกิดพังพืดได้น้อยกว่าซิลิโคนแบบผิวเรียบ เนื่องจากมีการยึดเกาะของ

เนื้อเยื่อในร่างกายกับพื้นผิวของซิลิโคนได้มากกว่า แต่จะมีข้อเสียในเรื่องความกังวลของการเกิดมะเร็งเต้านม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยประกอบกัน ไม่ได้เกิด

จากตัวซิลิโคนเพียงอย่างเดียว

ทรงของซิลิโคน

–          ทรงกลม เหมาะสำหรับผู้ที่มีเนื้อหน้าอกน้อย หน้าอกเล็ก หรือผู้ที่มีปัญหาย่อนคล้อยของหน้าอก

–          ทรงหยดน้ำ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเนื้อหน้าอกอยู่แล้ว แต่จะไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาย่อนคล้อยของหน้าอก

ซิลิโคนแต่ละยี่ห้อ

Sebbin เป็นซิลิโคนจากฝรั่งเศส มีชื่อเสียงยาวนานมามากกว่า 20 ปี โดยซิลิโคนของ Sebbin มีความยืดหยุ่น 

เป็นที่นิยมเนื่องจากมีราคาที่ไม่สูงมาก 

เหมาะสำหรับผู้ที่หน้าอกเล็ก ต้องการความพุ่งของหน้าอก

Silimed เป็นซิลิโคนจากบราซิล จุดเด่นด้านในของตัวซิลิโคน Silimed จะมีความหนาแน่นสูง เหมาะสำหรับ

ผู้ที่มีเนื้อหน้าอกอยู่แล้ว ทำออกมาหลายแบบเพื่อให้เหมาะกับรูปร่างของแต่ละคน และมีราคาไม่แพง

Allergan เป็นซิลิโคนจากอเมริกา เป็นซิลิโคนที่ทางการแพทย์เชื่อมั่นว่ามีจะโอกาสเกิดพังพืดที่น้อยลง 

มีความแข็งตัวที่น้อยลง โดยมีให้เลือกทั้งแบบผิวเรียบและผิวทราย จุดเด่นคือจะมีความพุ่งของตัวซิลิโคน

ที่มากกว่าแบรนด์อื่นๆ

Euro เป็นซิลิโคนจากฝรั่งเศส ที่ได้รับการรับรองคุณภาพและมาตรฐานจากฝรั่งเศส มีจุดเด่นในเรื่องราคา

ที่สามารถเข้าถึงได้ และตัวซิลิโคนมีความพุ่ง ฐานไม่กว้างมาก เหมาะสำหรับผู้ที่มีหน้าอกเล็ก เนื้อหน้าอกน้อย

Mentor เป็นซิลิโคนจากอเมริกา เป็นทีรู้จักมาอย่างยาวนาน มีความน่าเชื่อถือ ได้รับการรับรองจาก อย. ไทย 

มีซิลิโคนให้เลือกหลายแบบ หลายพื้นผิวซิลิโคนตามการเลือกใช้งาน มีจุดเด่นในเรื่องความนุ่มของตัวซิลิโคน 

เนื่องจากมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังขึ้นชื่อในเรื่องของความทนทานของตัวซิลิโคน มีการรับประกัน

การแตก ฉีก ขาด ของตัวซิลิโคนตลอดอายุการใช้งาน

Motiva เป็นซิลิโคนจากอเมริกา ที่มีความนิยมใช้ในประเทศเกาหลีเป็นจำนวนมาก มีจุดเด่นในเรื่องการแก้ปัญหา

การเกิดพังพืดในซิลิโคนผิวเรียบ และการเกิดมะเร็งเต้านมในซิลิโคนผิวทราย ด้วยนวัตกรรมผิวเรียบกึ่งทราย 

มีจุดเด่นในเรื่องความยืดหยุ่นที่สูงมาก ความนุ่มของตัวซิลิโคน มีการคืนสภาพได้ตามแรงโน้มถ่วง ทั้งยังมี

นวัตกรรมใหม่ในรุ่น Ergonomix ที่มีชิปอยู่ภายในซิลิโคนสามารถแสกนเพื่อเก็บข้อมูล และเช็คข้อมูลภายหลัง

ได้ ซึ่งซิลิโคน Motiva นี้จะมีราคาสูงกว่าซิลิโคนแบรนด์อื่นๆ

 

2. เสริมบนกล้ามเนื้อ หรือ ใต้กล้ามเนื้อดี?

การเสริมบนกล้ามเนื้อ(Subglandular plane) เป็นการวางซิลิโคนบนกล้ามเนื้อ ทำให้ไม่ต้องเลาะกล้ามเนื้อขึ้น หลังผ่าตัดจึงจะฟื้นตัวได้เร็วกว่า 

แต่หากคนไข้มีเนื้อหน้าอกน้อยจะทำให้ดูไม่เป็นธรรมชาติ เพราะสามารถมองเห็นขอบของตัวซิลิโคนได้ เนื่องจากไม่มีกล้ามเนื้อมาปกปลุมตัวซิลิโคน 

จากการศึกษาพบกว่าการเสริมหน้าอกบนกล้ามเนื้อ มีโอกาสเกิดพังพืด และการแข็งตัวได้มากกว่าการเสริมใต้กล้ามเนื้อ

การเสริมใต้กล้ามเนื้อ(Subpectoral plane) เป็นการวางซิลิโคนใต้กล้ามเนื้อ จะมีความเป็นธรรมชาติมากกว่า เนื่องจากมีกล้ามเนื้อมาปกคลุมรอบตัวซิลิโคน 

มีโอกาสเกิดพังพืดที่น้อยกว่าการเสริมบนกล้ามเนื้อ แต่หลังผ่าตัดจะฟื้นตัวได้ช้า เพราะมีการเลาะใต้กล้ามเนื้อ ทำให้เกิดการเสียเลือดที่มากกว่าและมีโอกาส

ที่จะเกิดการบีบตัวของกล้ามเนื้อกับตัวซิลิโคนได้มากกว่าการเสริมแบบบนกล้ามเนื้อ

 

 3. แผลการผ่าตัดเสริมหน้าอกอยู่ตรงไหน?

บริเวณใต้รักแร้ มีข้อดีคือหากไม่ต้องการให้เห็นรอยแผลเป็นสามารถซ่อนแผลไว้ที่บริเวณใต้รักแร้ได้ แต่จะมีอาการเจ็บปวดที่มากกว่า ฟื้นตัวช้า 

ยกแขนได้ยาก เนื่องจากแผลอยู่ใกล้กล้ามเนื้อแขน ทั้งยังไม่สามารถเห็นสรีระของหน้าอกได้ทั้งหมด ทำให้แก้ปัญหาในการเสริมหน้าอกได้ไม่ตรงจุด

บริเวณใต้ราวนม การผ่าตัดบริเวณนี้สามารถเห็นสรีระของหน้าอกได้ดี สามารถแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด การผ่าตัดง่ายกว่าแผลบริเวณอื่นๆ 

มีการฟื้นตัวที่เร็ว แผลหายเร็ว แต่จะมีข้อเสียเรื่องรอยแผลเป็นใต้ราวนม แต่หากดูแลแผลอย่างสม่ำเสมอ รอยแผลก็สามารถจางลงได้ 

และเมื่อเสริมหน้าอกไปแล้วจะมีการคล้อยของหน้าอกช่วยซ่อนแผลได้ดียิ่งขึ้น

บริเวณปานนม จะซ่อนอยู่ระหว่างรอยต่อบริเวณปานนม ทำให้แผลเนียนเป็นธรรมชาติ แต่การผ่าตัดจะทำได้ยากกว่าแผลใต้ราวนม 

ทั้งยังเสี่ยงต่ออกาการหัวนมชา เนื่องจากบริเวณปานนมมีเส้นเลือดอยู่เป็นจำนวนมาก

 

4. เสริมหน้าอกเจ็บไหม?

ระหว่างทำหน้าอก จะมีการดมยาสลบทำให้คนไข้ไม่รู้สึกเจ็บ แต่หลังจากได้รับการผ่าตัดเสริมหน้าอกเรียบร้อยแล้ว จะมีความเจ็บเนื่องจาก

มีการผ่าตัด โดยมีหลายปัจจัยที่ประกอบกัน ทำให้เกิดความเจ็บปวดที่ไม่เท่ากันของในแต่ละบุคคล เช่น

–          สภาพร่างกายความแข็งแรง และความอ่อนแอของแต่ละบุคคล

–          การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการผ่าตัด

–          เทคนิคการผ่าตัดเสริมหน้าอกของแพทย์

–          การดูแลหลังเสริมหน้าอก

 

5. อายุเท่าไรถึงจะเสริมหน้าอกได้?

ควรอยู่ในวัยที่ร่างกายเจริญเติบโตเด็มที่ โดยทั่วไปจะอยู่ที่อายุ 20 ปีขึ้นไป เพราะหากเสริมในขณะที่บริเวณหน้าอกยังเจริญเติบโต

ไม่เต็มที่ อาจะเกิดความเจ็บปวดและแน่นหน้าอกภายหลังได้

 

6. ก่อนเสริมหน้าอกต้องเตรียมตัวอย่างไร?

–          ปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับการผ่าตัด เพื่อรับคำแนะนำ และวางแผนในการเสริมหน้าอก

–          เตรียมสภาพร่างกายให้แข็งแรง ไม่เจ็บป่วย

–          งดแอลกอฮอล์ และบุหรี่

–          งดอาหาร และน้ำก่อนผ่าตัด 6 ชั่วโมง เพื่อทำการดมยาสลบ

–          สวมใส่เสื้อผ้าที่สบาย ใส่และถอดง่าย มีกระดุมด้านหน้า

 

7. เสริมหน้าอกมีขั้นตอนยังไงบ้าง

1)       ดมยาสลบ เป็นการใช้ยาเพื่อทำการผ่าตัดเสริมหน้าอก

2)       ระยะเวลาในการผ่าตัด ใช้เวลาในการผ่าตัด 2-3 ชั่วโมง

3)       ใช้เวลาพักฟื้นหลังผ่าตัด 1-3 วัน

4)       มีการนัดตรวจซ้ำหลังผ่าตัดเสริมหน้าอก 7 วัน

5)       ระยะเวลาที่หน้าอกจะเข้าที่อยู่ที่ 7-14 วัน หลังผ่าตัด

 

 8. หลังเสริมหน้าอกดูแลยังไง?

–          หลังการผ่าตัดควรดูแลแผลไม่ให้โดนน้ำ ประมาณ 1 สัปดาห์

–          สวมใส่เสื้อซัพพอร์ตหน้าอก หลังการเสริม 2 – 4 สัปดาห์

–          รับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์

–          งดสูบบุหรี่ และรับประทานของหมักดอง

–          งดการออกกำลังกาย และยกของหนัก

 

9. หลังเสริมหน้าอกนอนตะแคงได้ไหม?

สามารถนอนตะแคงได้หลังการเสริมหน้าอกไปแล้ว 1 เดือน โดยหลังจากผ่าตัดเสริมหน้าอกใน 1 เดือนแรก ควรนอนหงาย 

ไม่ควรนอนตะแคงหรือนอนคว่ำ เพราะอาจทำให้ซิลิโคนเกิดการเคลื่อนตัวไปจากตำแหน่งเดิม

 

10. ซิลิโคนอยู่ได้กี่ปี?

ในปัจจุบันซิลิโคนได้รับการพัฒนาจนสามารถอยู่ในร่างกายได้ตลอดชีวิต แต่ในช่วงวัยที่มีอายุมากขึ้น มีการเสื่อมสภาพของกล้ามเนื้อ

 และส่วนต่างๆของร่างกาย จนนำมาสู่ปัญหา และการแก้ไขขึ้นได้ ซึ่งทั้งนี้อยู่ที่ความพึงพอใจของแต่ละบุคคลว่ามีปัญหามากน้อย

เพียงใด ต้องการแก้ไขหรือไม่ ซึ่งจะเกิดปัญหาไหมนั้น มาจากการดูแลรักษา การใช้งานของผู้เสริมหน้าอกอีกด้วย

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

เว็บไซต์นี้มีการใช้คุกกี้เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น รายละเอียดกรุณาอ่าน นโยบายคุกกี้

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save