วิธีดูแลหลังเสริมอกและการรับมือปัญหาต่าง ๆ อย่างตรงจุด
วิธีดูแลหลังเสริมอกมีเพียงไม่กี่ขั้นตอน โดยที่ผู้เสริมหน้าอกสามารถดูแลหลังทำหน้าอกด้วยตัวเองอย่างง่ายดาย ซึ่งการดูแลหลังเสริมหน้าอกต้องทำอะไรบ้าง? ต้องเตรียมตัวอย่างไร? ในบทความนี้เราได้รวบรวมวิธีการดูแลหลังเสริมอกมาให้เรียบร้อยแล้ว
ในเมื่อการเสริมหน้าอกทำให้รู้สึกมั่นใจในรูปร่างของตัวเองมากยิ่งขึ้น การเสริมหน้าอกจึงกลายมาเป็นเรื่องปกติและสามารถพบเห็นได้ทั่วไป โดยการเสริมหน้าอกนั้น นอกจากจะทำให้สามารถสวมใส่เสื้อผ้าได้สวยงามมากขึ้น ถ่ายรูปขึ้นกล้องมากกว่าเดิม ยังทำให้ดูมีเสน่ห์มากขึ้นอีกด้วย และที่สำคัญวิธีดูแลหลังเสริมอกเป็นสิ่งที่ไม่อาจมองข้ามไปได้ ซึ่งวิธีดูแลหลังเสริมอกจะมีอะไรบ้าง? ตามไปดูกันได้เลย
วิธีดูแลหลังเสริมอกต้องทำอะไรบ้าง?
หลังจากเสริมหน้าอกมาเรียบร้อยแล้วผู้ที่เสริมหน้าอกก็ควรจะดูแลตัวเองหลังการผ่าตัดทำหน้าอกอย่างเคร่งครัด โดยสามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงทำตามวิธีดูแลหลังเสริมอกดังต่อไปนี้
ควรพันผ้ารัดหน้าอก
หลังจากการเสริมหน้าอกมานั้น ควรจะต้องดูแลหลังทำหน้าอกด้วยการพันผ้ารัดหน้าอกในช่วง 7 วันแรก และควรเปลี่ยนผ้าพันหน้าอกวันละ 1 ครั้ง เพื่อป้องกันภาวะเลือดออก ป้องกันการอับชื้น และป้องกันการเกิดผื่นคันตามผิวหนัง ซึ่งขั้นตอนการพันผ้ารัดหน้าอกสามารถทำได้ตามขั้นตอนด้านล่างนี้
- พันผ้าให้กระชับ แต่ไม่แน่นจนเกินไป
- ติดกิ๊บ เพื่อป้องกันผ้าพันหน้าอกหลุด
ควรประคบเย็นด้วย Cool Pack
ผู้ที่เสริมหน้าอกควรประคบเย็นด้วย Cool Pack ตลอด 24 ชั่วโมงเป็นเวลา 7-10 วัน และควรมี Cool Pack สองอันสลับใช้ทุก 1-2 ชั่วโมง เพื่อบรรเทาอาการปวดและลดการบวมจากการผ่าตัดเสริมหน้าอก
ควรดูแลความสะอาดเป็นพิเศษ
วิธีดูแลหลังเสริมอกนั้น ควรจะดูแลความสะอาดเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันไม่ให้แผลติดเชื้อหรือแผลอักเสบด้วยการหลีกเลี่ยงไม่ให้แผลโดนน้ำ งดแช่น้ำ และว่ายน้ำใน 14 วันแรกหลังจากผ่าตัดหรือจนกว่าแผลจะหายดี
ควรนวดหน้าอก
ผู้ที่เสริมหน้าอกต้องนวดหน้าอก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดพังผืดรอบซิลิโคน และต้องระมัดระวังให้การนวดหน้าอกไม่กระทบกระเทือนต่อแผลผ่าตัด นอกจากนี้ตำแหน่งและระยะเวลาที่ควรเริ่มนวดหน้าอกนั้น ก็ขึ้นอยู่กับวิธีเสริมหน้าอกและตำแหน่งในการเสริมด้วย ซึ่งปกติแล้วจะสามารถนวดหน้าอกได้หลังจากผ่าตัดไปแล้วประมาณ 5-7 วันหรือตามคำแนะนำของแพทย์
รับประทานอาหารที่ดีและมีประโยชน์
หนึ่งในวิธีดูแลหลังเสริมอกนั่นก็คือการรับประทานอาหารที่ดีและมีประโยชน์ โดยควรจะเน้นอาหารที่มีโปรตีนสูง และอาหารย่อยง่าย เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม เพราะอาหารเหล่านี้จะช่วยฟื้นฟูบาดแผลได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังควรงดรับประทานอาหารหมักดองหรืออาหารที่มีรสเผ็ดจัดประมาณ 14 วัน
รับประทานยาและทายาอย่างสม่ำเสมอ
เมื่อเสริมหน้าอกเรียบร้อยแล้วก็ควรรับประทานยาและทายาตามที่แพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอ เพื่อทำให้แผลผ่าตัด อาการเจ็บปวด อาการบวมแดงหายได้เร็วยิ่งขึ้นและไม่มีรอยแผลเป็นจากการผ่าตัดเสริมหน้าอกนั่นเอง
สวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่รัดและสวมเสื้อในแบบไม่มีโครง
หลังจากผ่าตัดเสริมหน้าอกนั้น มีวิธีดูแลหลังเสริมอกที่ควรทำตามอย่างเคร่งครัด คือ สวมเสื้อผ้าที่หลวม ไม่รัดตัว และสวมเสื้อชั้นในแบบไร้โครงในช่วง 30 วันแรกหลังจากผ่าตัดเสริมหน้าอก เพื่อป้องกันการเสียดสีและลดอาการบวมจากการผ่าตัด
หลีกเลี่ยงการออกแรงหรือการเคลื่อนไหว
วิธีดูแลหลังเสริมอกที่ไม่อาจมองข้ามไปได้นั่นก็คือ การหลีกเลี่ยงการออกแรงหรือการเคลื่อนไหวที่บริเวณหน้าอก หรือ บริเวณรักแร้ รวมถึงกิจกรรมที่จะทำให้แผลจากการเสริมหน้าอกกระทบกระเทือน เช่น การออกกำลังกายหนัก ๆ การยกของหนัก เป็นต้น เนื่องจากกิจกรรมเหล่านี้จะส่งผลให้แผลอักเสบหรือมีอาการบวมได้ จึงควรรอให้แผลจากการผ่าตัดเสริมหน้าอกแห้งและหายดีก่อน
หลีกเลี่ยงการนอนตะแคงหรือนอนคว่ำ
การหลีกเลี่ยงท่านอนตะแคงหรือนอนคว่ำเป็นหนึ่งในวิธีดูแลหลังเสริมอกที่จำเป็นจะต้องทำอย่างเคร่งครัด โดยให้นอนในท่านอนหงายและนอนศีรษะสูงแทน เพื่อป้องกันการกดทับซิลิโคนและช่วยลดอาการบวมจากการผ่าตัด
งดสูบบุหรี่และงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
หลังผ่าตัดเสริมหน้าอกนั้น ผู้ที่เสริมหน้าอกจะต้องงดสูบบุหรี่และงดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 14 สัปดาห์หลังจากการผ่าตัด เพื่อให้แผลจากการผ่าตัดสมานได้ดียิ่งขึ้นและลดอาการข้างเคียงที่อาจตามมา
ปัญหาที่มักจะพบหลังจากเสริมหน้าอก
เมื่อผ่าตัดเสริมหน้าอกเสร็จแล้วก็อาจจะมีปัญหาหรืออาการข้างเคียงตามมา ทำให้ต้องหมั่นดูแลหลังทำหน้าอกเป็นพิเศษ โดยปกติแล้วมักจะมีปัญหาหรืออาการหลังจากทำการผ่าตัดในช่วงแรก ๆ หรืออาจจะเกิดขึ้นในภายหลังก็ได้ ซึ่งปัญหาหรืออาการที่มักจะพบมีดังนี้
วิงเวียนศีรษะ
ผู้ที่เสริมหน้าอกอาจจะมีอาการวิงเวียนศีรษะ อ่อนเพลีย และมึนงงจากการได้รับยาสลบ และถ้าหากแพ้ยาสลบก็อาจจะมีอาการอาเจียนร่วมด้วย
วิธีรับมืออาการวิงเวียนศีรษะ
ผู้ที่มีอาการเหล่านี้ไม่ต้องกังวล เพราะอาการวิงเวียนศีรษะ มึนงง และอ่อนเพลียจะสามารถหายได้เอง เมื่อฤทธิ์ยาค่อย ๆ หมดไป ซึ่งปกติจะใช้เวลาประมาณ 3-7 วัน เท่านั้น
มีพังผืดรอบซิลิโคน
ปัญหาการมีพังผืดรอบซิลิโคนนั้น เกิดจากการที่เราเสริมซิลิโคนเข้าไปในร่างกาย และร่างกายของเราคิดว่าซิลิโคนคือสิ่งแปลกปลอม จึงได้สร้างพังผืดมาห่อหุ้มซิลิโคนไว้ เมื่อร่างกายสร้างพังผืดขึ้นมาแล้วผู้ที่เสริมหน้าอกจะรู้สึกว่าหน้าอกเป็นก้อน หรือ เป็นไต ซึ่งการมีพังผืดอาจจะส่งผลให้หน้าอกมีรูปทรงที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
วิธีรับมือการเป็นพังผืด
วิธีรับมือและวิธีดูแลหลังเสริมอกไม่ให้เป็นพังผืดนั่นก็คือควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างต่อเนื่องและควรนวดหน้าอกเพื่อป้องกันการเกิดพังผืดเป็นประจำทุกวัน
ซิลิโคนเคลื่อนที่ไปจากตำแหน่งเดิม
การเคลื่อนที่ของซิลิโคนนั้น มักจะพบได้บ่อยในผู้ที่มีรูปร่างเล็ก คนที่มีกล้ามเนื้อบริเวณหน้าอกน้อย หรือปัจจัยอื่น ๆ เช่น ซิลิโคนลอย ซิลิโคนหดตัว และตำแหน่งในการวางซิลิโคน เป็นต้น ซึ่งเมื่อซิลิโคนเคลื่อนที่แล้วจะสังเกตเห็นว่าหน้าอกไม่เท่ากันเหมือนอย่างเคย
วิธีรับมือซิลิโคนเคลื่อนที่ไปจากตำแหน่งเดิม
หากไม่อยากให้ซิลิโคนเคลื่อนที่นั้น จะต้องดูแลตัวเองด้วยวิธีดูแลหลังเสริมอกจากการไม่ทำกิจกรรมที่ใช้แรงมากเกินไป นอนในท่าที่เหมาะสม และนวดหน้าอกเป็นประจำ แต่หากซิลิโคนเคลื่อนที่ไปแล้วก็อาจจะต้องแก้ไขด้วยการเข้ารับการผ่าตัด เพื่อทำให้ซิลิโคนเข้าที่ได้ดังเดิม
เจอขอบซิลิโคน
การจับหรือคลำบริเวณหน้าอกแล้วเจอกับขอบซิลิโคนนั้น มักจะพบในคนที่มีเนื้อหน้าอกน้อย แต่ต้องการเสริมหน้าอกขนาดใหญ่ หรืออีกหนึ่งสาเหตุนั่นก็คือการเกิดพังผืดรอบ ๆ ซิลิโคนที่ใช้เสริมหน้าอก ทำให้ซิลิโคนถูกดึงต่ำลงมาจนเห็นขอบซิลิโคนและเนื้อไม่สามารถหุ้มซิลิโคนได้ทั้งหมด
วิธีรับมือเมื่อเจอขอบซิลิโคน
วิธีดูแลหลังเสริมอกและวิธีรับมือเมื่อจับแล้วเจอขอบซิลิโคน คือ เข้าพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทันที เพื่อให้แพทย์ประเมินอาการและประเมินการรักษาอย่างเหมาะสม โดยอาจจะไม่ถึงขั้นที่ต้องนำซิลิโคนออก และสามารถรักษาตามอาการจนกลับมาเป็นปกติตามเดิม
มีรอยแตกลาย
การเกิดรอยแตกนั้นมีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อย และมักจะเจอในกลุ่มคนที่เลือกขนาดซิลิโคนค่อนข้างใหญ่จนทำให้ผิวหนังขยายตัวหรือยืดมากเกินไปจนเกิดรอยแตกขึ้น
วิธีรับมือรอยแตกลาย
วิธีดูแลหลังเสริมอกและวิธีรับมือกับรอยแตกลายนั้น ทำได้ง่าย ๆ ด้วยการทาครีมลดรอยแตกลาย ทาออยลดรอยแตกลาย หรือเข้ารับการรักษาด้วยการทำเลเซอร์
หน้าอกเบี้ยว
หน้าอกเบี้ยวเกิดจากซิลิโคนไม่เท่ากัน โดยซิลิโคนไม่เท่ากันนั้นก็สามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น ฐานหน้าอกไม่เท่ากันอยู่ก่อนแล้ว วางซิลิโคนไม่เท่ากันตอนที่ผ่าตัด หรือการมีพังผืดก็ส่งผลให้หน้าอกเบี้ยวได้เช่นกัน
วิธีรับมือหน้าอกเบี้ยว
วิธีดูแลหลังเสริมอกและวิธีรับมือหน้าอกเบี้ยวนั้น ทำได้ด้วยการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุอย่างตรงจุดด้วยการเลือกสถานที่เสริมหน้าอกที่มีความน่าเชื่อถือและแพทย์มีความเชี่ยวชาญในการผ่าตัดเสริมหน้าอก รวมถึงนวดหน้าอกอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการเกิดพังผืดที่ส่งผลให้หน้าอกเบี้ยว
หน้าอกสองลอน
หน้าอกสองลอนหรือหน้าอกมีเนินซ้อนกันนั้น มีสาเหตุมาจากฐานหน้าอกแคบและเลือกซิลิโคนที่มีขนาดใหญ่กว่าฐานหน้าอก จึงทำให้เกิดปัญหาหน้าอกสองลอน
วิธีรับมือหน้าอกสองลอน
วิธีดูแลหลังเสริมอกและวิธีรับมือเมื่อมีหน้าอกสองลอนนั่นก็คือการแก้ไขด้วยการผ่าตัดนำเต้าซ้อนออก โดยต้องใช้เวลาในการพักฟื้นประมาณ 3-6 เดือน
หลอดเลือดดำอักเสบ
หลอดเลือดดำอักเสบหลังจากการเสริมหน้าอกนั้น เกิดจากความตึงของผิวหนังที่เพิ่มขึ้นเมื่อเสริมซิลิโคนเข้าไปในร่างกาย จนส่งผลให้มีเส้นเลือดแข็ง ๆ บริเวณเต้านม ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
วิธีรับมือหลอดเลือดดำอักเสบ
วิธีดูแลหลังเสริมอกและวิธีรับมือเมื่อหลอดเลือดดำอักเสบนั่นก็คือรีบไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการผ่าตัดเสริมหน้าอก เพื่อรักษาอาการหลอดเลือดดำอักเสบได้อย่างทันท่วงที
เลือดคั่งหลังผ่าตัด
เลือดคั่งหลังผ่าตัดเกิดจากการที่มีเลือดออกขณะผ่าตัดมากจนไปอุดตันบริเวณที่ใส่ซิลิโคน โดยปกติแล้วอาการนี้จะมีรอยเขียวช้ำ และมักจะส่งผลถึงอาการอื่น ๆ เช่น หน้าอกบวม เจ็บและร้อนบริเวณหน้าอก
วิธีรับมืออาการเลือดคั่งหลังผ่าตัด
วิธีรับมือเมื่อมีเลือดคั่งหลังผ่าตัดนั้นทำได้ง่าย ๆ ด้วยการประคบเย็นทันทีภายใน 48 ชั่วโมงแรก หลังจากนั้นจึงเปลี่ยนมาประคบอุ่น และนอนยกศีรษะสูง ๆ ประมาณ 7 วัน ถ้าไม่ดีขึ้นให้รีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษาทันที
เรียกได้ว่าเพียงอ่านบทความนี้ผู้เสริมหน้าอกก็มีวิธีดูแลหลังเสริมอกที่สามารถทำตามได้ง่าย ๆ พร้อมทั้งสามารถรับมือกับอาการต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี เมื่อการดูแลหลังเสริมหน้าอกนั้นสำคัญมาก ๆ เราจึงขอส่งเสริมให้ผู้ที่เสริมหน้าอกทุก ๆ คนไม่ละเลยและหมั่นดูแลหลังทำหน้าอกด้วย วิธีการดูแลหลังเสริมอกที่เรานำมาแชร์ในวันนี้เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว