ไขข้อสงสัยการทำนมคืออะไร? ทำแบบไหนถึงจะปัง!
การทำนมหรือการเสริมหน้าอก (Breast Augmentation) วิธีการที่จะให้นมเป็นทรงและทำนมสวยยิ่งขึ้นด้วยการผ่าตัดเสริมซิลิโคน เสริมไขมัน หรือแบบผสมผสานที่เสริมทั้งซิลิโคนและไขมันไว้ด้วยกัน ซึ่งสำหรับใครที่กำลังมองหาวิธีเพิ่มความมั่นใจด้วยวิธีการนี้ แต่ยังไม่แน่ใจว่าควรทำนมแบบไหนดี? หรือควรทำนมทรงไหนดี? ในบทความนี้ DSC Clinic จะพาไปทำความรู้จักกับการทำนมแบบไหนดีถึงจะได้ทรงเป็นธรรมชาติและเหมาะสมกับผู้ที่ต้องการทำหน้าอกมากที่สุด
ทำความรู้จักกับการทำนมว่ามีรูปแบบไหนบ้าง?
การทำนมสวยไม่ได้มีเพียงรูปแบบเดียวเท่านั้น แต่มีรูปแบบต่าง ๆ มากถึง 3 รูปแบบ โดยผู้ที่ต้องการเสริมหน้าอกจะต้องได้รับคำแนะนำ การวิเคราะห์ และประเมินความเหมาะสมจากศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญว่าควรจะทำนมแบบไหนดีจึงจะเหมาะสมกับตัวเอง ซึ่งการทำนมที่ DSC Clinic Dr Sine จะมีรูปแบบไหนบ้าง? ไปดูกันเลย
การเสริมหน้าอกด้วยเต้านมเทียม (Breast Implant Augmentation)
การทำนมด้วยเต้านมเทียม (Breast Implant Augmentation) คือการเสริมหน้าอกด้วยการใช้ซิลิโคน เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน โดยการเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนจะสามารถเสริมทรงอกให้มีขนาดใหญ่มากขึ้นได้หลากหลายไซซ์ แต่ก็ต้องผ่านการวิเคราะห์จากศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนว่าร่างกายของผู้ที่ต้องการทำนมสามารถเสริมได้ขนาดเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสมกับร่างกาย
การเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง (Fat Transfer Augmentation)
อีกหนึ่งรูปแบบของการทำนมที่มีในปัจจุบันนั่นก็คือการเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง วิธีการนี้จะทำการดูดไขมันจากบริเวณต่าง ๆ ของร่างกายที่มีปริมาณไขมันเยอะมาไว้ที่บริเวณหน้าอก ไม่ว่าจะเป็น
- บริเวณหน้าท้อง
- บริเวณต้นขา
- บริเวณสะโพก
- บริเวณก้น
การเสริมหน้าอกแบบ Hybrid (Hybrid Breast Augmentation)
รูปแบบการทำนมแบบ Hybrid เป็นการทำนมสวยด้วยการเสริมซิลิโคนร่วมกับไขมัน โดยจะเริ่มทำการเสริมซิลิโคนก่อน หลังจากนั้นจึงนำไขมันมาเสริมบริเวณเต้านม ซึ่งปริมาณไขมันที่ใช้ในการเสริมหน้าอกรูปแบบ Hybrid สามารถทำได้ 2 แบบ คือ
- เติมเฉพาะบริเวณร่องอกและเนินอก
- เติมทุกส่วนของเต้านม
รูปแบบต่าง ๆ ของการทำนมเหมาะกับใครบ้าง?
เมื่อเรารู้กันแล้วว่าการทำนมสวยมีมากถึง 3 รูปแบบ ก็คือ การเสริมหน้าอกด้วยเต้านมเทียม การเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง และการเสริมหน้าอกแบบ Hybrid ขั้นต่อไปจะเป็นการพิจารณาว่ารูปแบบต่าง ๆ เหมาะสมกับใครบ้าง? ควรทำนมทรงไหนดีถึงจะเหมาะกับรูปร่าง? ถ้าพร้อมแล้วไปดูกัน
ผู้ที่เหมาะกับการเสริมหน้าอกด้วยเต้านมเทียม
การเสริมหน้าอกด้วยเต้านมเทียมหรือซิลิโคนทำโดยการวางซิลิโคนลงไปที่บริเวณเต้านมและทำให้หน้าอกมีขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งวิธีการเสริมหน้าอกแบบนี้จะเหมาะสมกับผู้ที่มีลักษณะดังนี้
- ผู้ที่ค่อนข้างมีเนื้อบริเวณหน้าอก
- ผู้ที่มีเนินอกน้อยและต้องการเสริมหน้าอกให้ดูอวบอิ่ม
- ผู้ที่หน้าอกทั้งสองข้างมีขนาดไม่เท่ากัน
- ผู้ที่ต้องการเพิ่มขนาดหน้าอกให้ใหญ่ขึ้นหลายไซซ์
- ผู้ที่หน้าอกเริ่มมีความหย่อนคล้อย
- ผู้ที่หน้าอกมีขนาดเล็กลงหลังจากคลอดลูก
ผู้ที่เหมาะกับการเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง
ผู้ที่ต้องการเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเองจะต้องเข้ารับคำปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนว่ารูปร่างหรือหน้าอกของตัวเองเหมาะสมกับการเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเองหรือไม่ ซึ่งผู้ที่จะสามารถเสริมหน้าอกด้วยวิธีการนี้ได้ มีลักษณะดังนี้
- ผู้ที่ต้องการให้หน้าอกที่มีความนุ่มและสัมผัสเหมือนธรรมชาติ
- ผู้ที่หน้าอกเสียรูปทรงจากการที่น้ำหนักลง
- ผู้ที่ไม่ต้องการเสริมหน้าด้วยวิธีอื่น ๆ
ผู้ที่เหมาะกับการเสริมหน้าอกแบบ Hybrid
การเสริมหน้าอกแบบ Hybrid สามารถเติมเต็มทุกส่วนของเต้านมหรือเติมเฉพาะร่องกับเนินอกได้ อีกทั้งการเสริมหน้าอกแบบ Hybrid จะมีความเป็นธรรมชาติมากที่สุดจากรูปแบบทั้งหมด ซึ่งผู้ที่เหมาะสมกับการเสริมหน้าอกในรูปแบบนี้จะต้องมีลักษณะดังนี้
- ผู้ที่รูปร่างค่อนข้างผอม
- ผู้ที่มีเนื้อบริเวณหน้าอกน้อยมากไปจนถึงไม่มีเนื้อหน้าอกเลย
- ผู้ที่หน้าอกมีขนาดไม่เท่ากัน
- ผู้ที่หน้าอกมีความห่าง
- ผู้ที่หน้าอกเล็กลงหรือมีความหย่อนคล้อยจากการให้นมลูก
- ผู้ที่ต้องการให้หน้าอกมีสัมผัสแบบธรรมชาติ
- ผู้ที่ต้องการมีหน้าอกที่ใหญ่กว่าเดิมและมีความเป็นธรรมชาติ
ข้อดีและข้อเสียของการทำนมแต่ละประเภท
เมื่อการทำนมแต่ละรูปแบบมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แถมยังต้องพิจารณาก่อนผ่าตัดเป็นรายบุคคลว่าแต่ละคนเหมาะสมกับการเสริมหน้าอกรูปแบบไหน ดังนั้นสิ่งที่จำเป็นจะต้องพิจารณาก่อนเข้ารับการผ่าตัดเสริมหน้าอกก็คือข้อดีและข้อเสียของการทำทำนมสวยในรูปแบบต่าง ๆ นั่นเอง ซึ่งข้อดีและข้อเสียของรูปแบบการเสริมหน้าอกทั้ง 3 รูปแบบ มีดังนี้
ข้อดี | ข้อเสีย | |
การเสริมหน้าอกด้วยเต้านมเทียม |
|
|
การเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง |
|
|
การเสริมหน้าอกแบบ Hybrid |
|
|
สิ่งที่ควรรู้ก่อนจะตัดสินใจทำนม
ผู้ที่ต้องการเสริมหน้าอกจะต้องศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวกับการเสริมหน้าอกก่อนจะตัดสินใจทำอย่างจริงจัง เพื่อให้การเสริมหน้าอกมีผลลัพธ์ที่ดีและน่าพึงพอใจ ซึ่งในหัวข้อนี้ทาง DSC คลินิกได้รวบรวมมาให้แล้วว่าควรรู้เกี่ยวกับอะไรบ้าง ไปดูพร้อมกันเลย
ตำแหน่งการวางของซิลิโคนเสริมหน้าอก
การเสริมหน้าอกด้วยเต้านมเทียมหรือซิลิโคน จะสามารถวางซิลิโคนได้ 2 ตำแหน่ง ได้แก่ ตำแหน่งใต้กล้ามเนื้อหน้าอก ทำให้หน้าอกมีรูปทรงลาดลง มีความเป็นธรรมชาติ และตำแหน่งบนกล้ามเนื้อหน้าอก ทำให้อกชิดและจัดทรงได้ง่าย
ขั้นตอนของการผ่าตัดเสริมหน้าอก
ขั้นตอนการผ่าตัดเสริมหน้าอกจะเริ่มจากวิธีการขั้นต้นอย่างการปรึกษาศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เชี่ยวชาญในการเสริมหน้าอกไปจนถึงขั้นตอนสุดท้ายอย่างการพักฟื้น ซึ่งขั้นตอนระหว่างทางการเสริมหน้าอกมีดังนี้
- ปรึกษาศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการเสริมหน้าอก
- ศัลยแพทย์เริ่มวางแนวทางการผ่าตัดอย่างละเอียด
- เตรียมการผ่าตัดด้วยการทำความสะอาดผิว
- วางยาสลบโดยวิสัญญีแพทย์
- ทำการผ่าตัดและเย็บปิดแผลให้เรียบร้อย
การดูแลตัวเองหลังผ่าตัดเสริมหน้าอก
ผู้ที่ผ่าตัดเสริมหน้าอกแล้วจำเป็นจะต้องดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ด้วยวิธีการดูแลตัวเองหลังจากผ่าตัดเสริมหน้าอกดังต่อไปนี้
- ใช้ผ้ารัดหน้าอกในช่วง 7 วันแรก
- ประคบเย็นด้วย Cool Pack
- รักษาความสะอาด เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- นวดหน้าอกเป็นประจำ หลังจากผ่าตัดไปแล้วประมาณ 5-7 วันหรือตามคำแนะนำของแพทย์
- กินอาหารที่มีประโยชน์
- กินยาตามแพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอ
- หลีกเลี่ยงการออกแรงและการเคลื่อนไหว
- หลีกเลี่ยงการนอนตะแคงและการนอนคว่ำ
- งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
เรียกได้ว่าการทำนมที่มีให้เลือกถึง 3 รูปแบบ จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการและสรีระร่างกายของแต่ละคนได้เป็นอย่างดี และช่วยให้การทำนมสวยมีผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยแก้ไขปัญหาสำหรับท่านใดที่รู้สึกว่ายังไม่พึงพอใจกับรูปทรงหน้าอกของตนเอง ดังนั้นการทำนมแบบไหนดีหรือทำนมทรงไหนดีในบทความนี้จะช่วยตอบคำถามให้กับหลาย ๆ ท่านได้อย่างตรงจุด และทำให้ท่านตระหนักถึงความเหมาะสมกับตัวเองได้ว่าจะต้องพิจารณาข้อจำกัดของตัวเองอย่างถี่ถ้วนก่อนจะตัดสินใจเพื่อให้หน้าอกมีทรงอวบอิ่มเพิ่มเสน่ห์ได้อย่างไร้ที่ติ